วิธีการการรวมหนี้มาไว้ในที่เดียว
การรวมหนี้ คือ การที่เรานำหนี้สินที่เรามีอยู่จากหลายๆ ที่เอามารวมไว้ที่เดียวกัน จากนั้นก็ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินมาจ่ายหนี้สินทั้งหมด ซึ่งจะทำให้เรามีหนี้สินเหลือแค่ที่เดียว ซึ่งเราก็ค่อยๆ ทยอยผ่อนคือเป็นรายงวดคืนให้กับสถาบันการเงินนั้นๆ ซึ่งจะได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจจริง ในการปิดหนี้ทั้งหมด เพื่อลดภาระในแต่ละเดือน ซึ่งข้อดีของการรวมหนี้ มีดังนี้

• จ่ายดอกเบี้ยน้อยกว่าเดิม - เพราะปกติเรามีหนี้สินหลายๆ ก้อน เราก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด แต่การรวมหนี้มาไว้เป็นก้อนเดียวทำให้เหลือดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายแค่เพียงก้อนเดียว ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการจ่ายดอกเบี้ย ทำให้เรามเงินมีเหลือเพิ่มขึ้นด้วยค่าผ่อนต่อเดือนลดลง มีสภาพคล่องมากขึ้น

• ผ่อนต่อเดือนลดลง - เพราะจากที่เคยจ่ายหนี้หลายๆ ก้อน พอรวมหนี้แล้วทำให้เหลือการผ่อนชำระหนี้แค่ก้อนเดียว ช่วยให้รายจ่ายหนี้สินต่อเดือนลดลงไป  อีกทั้งยังได้ระยะเวลาในการผ่อนชำระที่ยาวนานมากขึ้นมาอีกด้วย

• รู้จำนวนหนี้ที่แท้จริง - การรวมหนี้มาไว้เป็นก้อนเดียว จะช่วยให้รู้ว่าจำนวนหนี้ที่แท้จริงนั้นมีจำนวนเท่าไหร่  ซึ่งช่วยให้สามารถวางแผนในการจ่ายชำระในแต่ละเดือนได้ ซึ่งถ้าวางแผนดีๆ และมีวินัย จะช่วยให้มีเงินคงเหลือไว้เก็บได้อีกด้วย

• ลดการสับสน ในการจ่ายหนี้สินแต่ละก้อน - การรวมหนี้จะช่วยให้คุณตัดปัญหาการสับสนว่าสรุปเจ้าไหนจ่ายไปแล้ว เจ้าไหนยังไม่จ่ายบ้าง ซึ่งตรงนี้นอกจากไม่โดนทวงเงินแล้ว ยังไม่ต้องเสียเงินการติดตามทวงหนี้ซึ่งเป็นเงินที่ไม่ควรเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นรวมเอาไว้ยังไงก็รู้ว่าแต่ละเดือนต้องจ่ายตอนไหนอย่างแน่นอน

ตอนนี้หลายๆคนคงจะพอทราบถึงข้อดีของการรวมหนี้กันแล้ว หากใครที่เป็นหนี้และกำลังมองหาการรวมหนี้ไว้ในที่เดียว ลองคลิกเข้ามาที่ สินเชื่อส่วนบุคคล  เพื่อดูรายละเอียดต่าง ๆ ของสินเชื่อก่อนได้

แนวโน้มของราคาทอง

มั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

ไปดูเหตุผลที่ตลาดไม่เชื่อ หนึ่งในนั้นก็เพราะ กำลังการผลิตนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ จากตัวเลขแท่นขุดเจาะรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ตั้งแต่ย่างเข้าไป 2017 เป็นต้นมา รวมถึงการเดินกำลังการผลิต Shale Oil และ Shale Gas ที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตของเทคโนโลยีนี้ เข้ามาใกล้จุดที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตน้ำดิบได้แล้วถ้ามองภาพใหญ่กว่านั้น ราคาน้ำมันก็โดนกดดันอยู่มาอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด หรือ Clean Energy โดยเทคโนโลยีที่จะมาเป็นคู่แข่งพลังงานน้ำมันจริงๆ ก็คือ Power Storage หรือ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า นั้นเอง เพราะตัวเก็บประจุไฟฟ้า หรือ Power Storage จะทำให้การใช้พลังงานสะอาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ไม่มีตัวเก็บประจุ ก็แปลว่า เราจะใช้ไฟฟ้าได้แค่ตอนช่วงกลางวันเท่านั้น ดังนั้น เทคโนโลยี Power Storage จึงถือว่ามีความสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดต่ำลงไปอีก และเข้าถึงคนจำนวนมากกว่าปัจจุบัน

สรุปทิศทางราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันถูกเทขายลงมาที่ ราวๆ 42-43 ดอลลาร์ กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นหลักๆ มาจากตลาดเริ่มไม่เชื่อมั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม