Money
เมื่อ SME ต้องกระจายความเสี่ยง
Post by | Admin

เมื่อผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจเริ่มถึงจุดอิ่มตัวขาดความสามารถในการทำกำไรอย่างเห็นได้ชัด ในฐานะเจ้าของกิจการมีความจำเป็นในการมองหาแนวทางและกลยุทธ์เพื่อขยายธุรกิจหรือทางรอดใหม่ๆ วันนี้ KKP Advice Center ขอนำเสนอกลยุทธ์การกระจายธุรกิจ (Diversification strategy) ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ ตลาดใหม่ หรือ ธุรกิจใหม่ซึ่งต้องตัดสินใจ ภายใต้สถานการณ์และรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อลดผลกระทบรวมถึงเพื่อเกิดประโยชน์กับกิจการมากที่สุด กลยุทธ์การกระจายธุรกิจนี้เป็นหนึ่งใน 4 ของกลยุทธ์การเติบโต (Growth Strategy) ซึ่งอธิบายไว้โดย Ansoff’s เกี่ยวกับ Product matrix (Ansoff,1975) เราลองมาดูกันว่าการกระจายธุรกิจแบบไหนที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้
กระจายไปยังธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กัน (Related diversification strategy)
การกระจายไปยังธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันเป็นการใช้จุดแข็งและทรัพยากรที่ธุรกิจมี เพื่อนำไปต่อยอดโดยวิธีการนี้จะทำให้ธุรกิจไม่ต้องมีต้นทุนในการสรรหาทรัพยากรใหม่ๆ ให้มากนัก และยังมีอำนาจในการต่อรองกับซัพพลายเออร์เพิ่มมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันทำธุรกิจสบู่ล้างหน้าต่อมาตรวจสอบยอดขายพบว่ามีแนวโน้มลดลงเนื่องจากคนนิยมใช้โฟมล้างหน้ามากขึ้น แล้วเห็นโอกาสจากที่พ่อแม่ปัจจุบันให้ความสำคัญกับการดูแลลูก เลยแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เป็นสบู่สำหรับเด็กแทนเพื่อเพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขาย หรือ บริษัทเครื่องสำอางหรับผู้หญิงเห็นโอกาสจากตลาดผู้ชายที่นิยมการดูแลตัวเองมากขึ้น ได้ออกผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายขึ้น
กระจายไปยังธุรกิจที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน (Unrelated diversification strategy)
วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่เสี่ยงมากเพราะธุรกิจต้องกระโดดลงไปในธุรกิจที่ไม่คุ้นเคย แต่ก็ไม่สามารถอยู่ในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจเดิมได้ประเมินสถานการณ์แล้วเป็นรองคู่แข่งที่อยู่ในตลาดแน่นอน และเล็งเห็นว่าการเข้าสู่ตลาดใหม่จะมีโอกาสในการทำกำไรมากกว่า ซึ่งบางบริษัทก็เลือกที่จะขายธุรกิจเดิม ไปเริ่มธุรกิจใหม่ก็มี หรือจะค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆเข้าสู่ธุรกิจใหม่ และประคองธุรกิจเดิมไปก่อนก็มีเช่นกัน ตัวอย่างเช่น บริษัทฟิล์มยักษ์ใหญ่ หลังจากที่ธุรกิจฟิล์มถ่ายภาพถูก Disrupt จากวิทยาการดิจิตอล ธุรกิจจึงตัดสินใจออกไปนอกธุรกิจนี้ไปสู่ธุรกิจเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่มีความสัมพันธ์กับธุรกิจเดิม
การกระจายธุรกิจเป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่สามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้ แต่ขณะเดียวกันจำเป็นอย่างยิ่งต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี ด้วยเครื่องมือต่าง ๆ เช่น Five Forces Model ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าแรงกดดันในอุตสากรรมนี้เป็นอย่างไรบ้าง หรือมองหาที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อลดระยะเวลาในการลองผิดลองถูก ซึ่งเดี๋ยวนี้สถาบันการเงินต่างๆ ที่เป็นผู้สนับสนุนด้านเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ SME ก็ได้นำเสนอแนวทางช่วยเหลืออาทิ การให้คำปรึกษารวมถึงธนาคารเกียรตินาคิน ก็ได้จับมือกับบริษัทชั้นนำที่มีศักยภาพมาให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจ ภายใต้ KK SME ฟรีโซลูชั่น ดีลและสิทธิพิเศษ เพื่อลูกค้าสินเชื่อ SME ธนาคารเกียรตินาคิน รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก