1. มีเยอะไว้…สบายใจกว่า
มีเยอะไว้ก่อนในที่นี่หมายถึงอุปกรณ์ป้องกันการติดต่อ, อุปกรณ์ทำความสะอาด ซึ่งของเหล่านี้ ต้องเตรียมไว้ให้เหมือนเป็นอุปกรณ์การเรียนเช่นเดียวกับปากกา, ดินสอ โดยวิธีการเตรียมให้เตรียมสำรองไว้ทุกครั้ง เช่นหน้ากากอนามัย ที่ต้องพกพามากกว่า 1-2 ชิ้น เนื่องจากประเทศไทยเราเป็นเขตร้อน เวลาอยู่นอกห้องก็ต้องผจญกับอากาศ ที่สร้างเหงื่อจนส่งผลให้หน้ากากเปียกชื่นได้ พอเปียกชื่นก็อาจเกิดความรำคาญขณะสวมใส่ จนอยากถอดได้ ดังนั้นถ้าสำรองไว้ก็จะสามารถช่วยเรื่องแบบนี้ได้ และยังรวมถึงเจลล้างมือแบบพกพา ที่ลูกหลานเราอาจวางทิ้ง หรือทำหายได้ ดังนั้นถ้าลืมแล้วไม่มีใช้ก็เท่ากับเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเอง สำรองไว้ก็ไม่เสียหายนะครับ

2. พูดทุกครั้ง เตือนทุกวัน “ไม่ซน ไม่ชน ไม่สกปรก”
สำหรับผู้ปกครองต้องคอยเตือนลูกหลานอยู่บ่อยๆ ในเรื่องของพฤติกรรมต่างๆ ที่เป็นความเสียงให้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตในสถานศึกษาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องสัมผัสสิ่งต่างๆ เช่น ลิฟต์ขึ้นลงอาคาร โต๊ะ เก้าอี้ สมุดหนังสือ ซึ้งควรหมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือเจลล้างมืออยู่เสมอ ไม่ซนเอามือไปสัมผัสตา จมูก ปาก และทานอาหารที่ร้อนและใช้ช้อนของตัวเองเสมอ และหากต้องการกินขนม กินน้ำ กินชาไข่มุกก็แนะนำให้ลูกหลานเลือกเฉพาะร้านที่พนักงานใส่ผ้าปิดจมูกและใส่ถุงมือในการทำอาหารเท่านั้น รวมถึงการเตื่อนให้ไม่ไปเดินเล่นในพื้นที่เสี่ยงหรือแหล่งชุมชน แนะนำให้พยายามเว้นระยะห่างจากคนรอบข้าง 1-3 เมตร เพื่อความปลอดภัยจากละอองฝอยเล็กๆ หากมีใครจามหรือไอขณะที่ลูกหลานเดินอยู่

3. บำรุงสุขภาพและหากิจกรรมภายในบ้านเพื่อออกกำลังกาย
การดูแลลูกหลานให้มีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่เสมอ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยป้องกันการติดเชือโควิด-19 ได้ ซึ่งผู้ปกครองควรจัดทำอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ให้ลูกหลานทานทั้งที่บ้าน หรือพกพาไปกินที่สถานศึกษา และควรหากิจกรรมทำร่วมกันกับลูกหลาน ที่สามารถใช้ออกกำลังภายในบ้านได้ ตัวอย่างเช่น แข่งกระโดดเชื่อก เต้นเอโรบิค-Cover Dance หรือแข่งเกมส์ทีใช้อุปกรณ์ Controller ในการขยับตัวเพื่อเล่นเกมส์ ซึ่งก็ถือเป็นกิจกรรมออกกำลังกายภายในบ้าน ที่สามารถสร้างความสนุกและเสริมความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันภายในครอบครัวอีกด้วย

4. ดูแลค่าใช้จ่ายต่างๆ ก่อนเปิดเทอม
เปิดเทอมยังไงก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ผู้ปกครองก็ต้องมีเงินไว้รองรับค่าใช้จ่ายๆ ต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งถ้าผู้ปกครองมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและอาจกำลังมองหาแหล่งเงินอยู่ เราขอแนะนำสินเชื่อแต่ละประเภท พร้อมทั้งรายละเอียดเปรียบเทียบ เพื่อให้คุณวางแผนกู้สินเชื่อได้ ตรงกับความต้องการใช้เงินเพื่อการศึกษาของลูกหลาน

สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นสินเชื่อที่ไม่ต้องใช้ทรัพย์สิน หรือบุคคลค้ำประกัน สถาบันการเงินจะพิจารณาวงเงินกู้จากเอกสารรายได้ของผู้กู้เป็นหลัก ข้อดีก็คือผู้กู้ไม่ต้องวิ่งวุ่นไปหาคนมาค้ำประกัน ปกติธนาคารจะอนุมัติวงเงินให้สูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ เฉลี่ยต่อเดือน เช่น ถ้าคุณมีรายได้เฉลี่ย 20,000 บาท/เดือน คุณสามารถกู้สินเชื่อส่วนบุคคลได้ไม่เกิน 100,000 บาท และส่วนมากจะเป็นแบบดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ทั้งนี้ขึ้นอยู่เงื่อนไขการอนุมัติของแต่ละธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน

สินเชื่อบัตรกดเงินสด เป็นสินเชื่อเงินสดอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ใช่บัตรเครดิต แต่เป็นบัตรที่เอาไว้ใช้กดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม วงเงินของบัตรกดเงินสดจะอยู่ที่ 3-5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน บัตรกดเงินสดนี้หากเรายังไม่ได้กดเงินหรือใช้จ่าย เราจะยังไม่เป็นหนี้ เราจะเป็นหนี้ก็ต่อเมื่อเริ่มกดเงินหรือใช้จ่ายเท่านั้น โดยดอกเบี้ยจะเริ่มคิดตั้งแต่วันแรกที่ใช้จ่ายสูงสุดเท่าที่วงเงินอนุมัติเท่านั้น หากเราชำระคืนเงินสดที่กดออกมา เราก็จะได้วงเงินของเรากลับคืน เพื่อสามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้ในอนาคตอีก ซึ่งบางธนาคารหรือสถาบันการเงินจะมีโปรโมชั่น กดเงินฟรีไม่เสียค่าธรรมเนียมอีกด้วย

สินเชื่อรถกู้เงินด่วน เป็นสินเชื่อประเภทใช้รถยนต์ในการขออนุมัติวงเงินสินเชื่อ เหมาะสำหรับคนที่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง ที่ต้องการเงินด่วนไปใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ ซึ่งข้อดีคือได้วงเงินสูงกว่าสินเชื่อส่วนบุคคล หรือบัตรกดเงินสด และยังสามารถใช้รถยนต์ได้หลากหลายประเภท ทั้งแบบที่ผ่อนหมดแล้วหรือยังผ่อนอยู่มายื่นขอสินเชื่อได้ ซึ่งการอนุมัติจะรวดเร็ว และดอกเบี้ยต่ำกว่า โดยวงเงินอนุมัติสูงสุดจะอยู่ประมาณ 100% ของราคาประเมินรถยนต์

สินเชื่อบ้านกู้เงินด่วน เป็นสินเชื่ออเนกประสงค์ที่ใช้หลักประกันในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อเช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ มีบ้าน คอนโด อพาร์ทเมนต์ ที่ผ่อนหมดแล้วเป็นของตัวเอง มาใช้เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันวงเงินสินเชื่อ ซึ่งการพิจารณาวงเงินสินเชื่อนั้น จะพิจารณาจากหลักประกัน โดยวงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงสุดประมาณ 70 – 95 % ของหลักประกัน ซึ่งก็แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน

แน่นอนว่าเปิดเทอมอาจสร้างความกังวลหลายๆ อย่างให้กับผู้ปกครองทั้งเรื่องเงินและเรื่องความปลอดภัย แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป เราคงไม่ใช้ชีวิตหยุดอยู่กับทีเพียงเพราะการระบาดไวรัสเพียง 1 ตัวนี้เท่านั้น เราทำได้ดีที่สุดก็คือการเตรียมพร้อมในทุกๆ ด้าน เพื่อใช่ชีวิตอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันให้ได้ แต่ถ้าคุณวางแผนเตรียมพร้อมให้ลูกหลานจนครบแล้ว แต่ยังขาดความพร้อมในเรื่องของเงินทุน หรือมองหาสินเชื่ออยู่ ทางธนาคารเกียรตินาคินมีข้อเสนอและโปรโมชั่นดีๆมาแนะนำ สนใจคลิก

แนวโน้มของราคาทอง

มั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

ไปดูเหตุผลที่ตลาดไม่เชื่อ หนึ่งในนั้นก็เพราะ กำลังการผลิตนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ จากตัวเลขแท่นขุดเจาะรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ตั้งแต่ย่างเข้าไป 2017 เป็นต้นมา รวมถึงการเดินกำลังการผลิต Shale Oil และ Shale Gas ที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตของเทคโนโลยีนี้ เข้ามาใกล้จุดที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตน้ำดิบได้แล้วถ้ามองภาพใหญ่กว่านั้น ราคาน้ำมันก็โดนกดดันอยู่มาอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด หรือ Clean Energy โดยเทคโนโลยีที่จะมาเป็นคู่แข่งพลังงานน้ำมันจริงๆ ก็คือ Power Storage หรือ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า นั้นเอง เพราะตัวเก็บประจุไฟฟ้า หรือ Power Storage จะทำให้การใช้พลังงานสะอาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ไม่มีตัวเก็บประจุ ก็แปลว่า เราจะใช้ไฟฟ้าได้แค่ตอนช่วงกลางวันเท่านั้น ดังนั้น เทคโนโลยี Power Storage จึงถือว่ามีความสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดต่ำลงไปอีก และเข้าถึงคนจำนวนมากกว่าปัจจุบัน

สรุปทิศทางราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันถูกเทขายลงมาที่ ราวๆ 42-43 ดอลลาร์ กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นหลักๆ มาจากตลาดเริ่มไม่เชื่อมั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม