Money

วางแผนให้ดี มีเงินเป็นล้าน

Post by | Admin

plan-to-1-million-thumbnail

"การวางแผนทางการเงิน" อาจฟังดูเป็นเรื่องยุ่งยากหรือไกลตัวของหลายคน แต่ถ้าเราตั้งเป้าไว้ว่า "ล้านแรก" คือสิ่งที่เราต้องการจะไปถึง การวางแผนทางการเงินเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

ขอเสนอกรอบในการวางแผนทางการเงินสักหน่อยอย่างน้อยก็เป็นแนวคิดตีโจทย์ให้แตกว่าจุดอ่อนของแผนทางการเงินของเราอยู่ตรงไหน และควรจะเร่งปรับปรุงซ่อมสร้างอะไรให้ "ล้านแรก" ไม่ใช่สิ่งที่เกินเอื้อมอีกต่อไป

 

เปรียบเทียบ "เงิน" ของเราเหมือนน้ำที่สะสมไว้เพื่อใช้ในอนาคต รายได้แต่ละเดือนเหมือนน้ำไหลลงมาในบ่อ ส่วนค่าใช้จ่ายประจำที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็เหมือนน้ำที่เราเสียไป (เหมือนรอยรั่วในบ่อ)

 

การวางแผนจัดการทางการเงินก็เหมือนกับการจัดระเบียบ การสร้างบ่อน้ำ และบริหารจัดการการไหลของน้ำให้เหมาะสมกับตัวเรา และเป้าหมายทางการเงินของเรา

 

สิ่งแรกที่จำเป็นต้องทำ คือ จัดการรายได้และรายจ่าย คือต้องทำให้มีเงินเหลือใช้ทุกเดือนก่อน ถ้าแต่ละเดือนไม่มีเงินเหลือเลย ก็คงวางแผนทางการเงินลำบากทีเดียว คนส่วนใหญ่คงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการจัดการรายได้ เพราะน่าจะมาเป็นประจำทุกเดือน แต่รายจ่ายนี่สิ หลายคนยังไม่รู้เลยว่าในแต่ละเดือนเราใช้เงินไปเท่าไร ตรงนี้สำคัญ เพราะถ้าเราพอรู้ว่าในแต่ละเดือนใช้จ่ายอะไรไปบ้าง ก็จะทำให้วางแผนได้ว่าจะสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนไหนลงได้บ้าง หรือถ้าจะให้ดี ทำเป็นงบประมาณให้ตัวเองเลยก็ยิ่งดีว่าอยากเก็บเงินเท่าไร ในแต่ละสัปดาห์ควรใช้เงินเท่าไร ถ้าสัปดาห์ไหนใช้เกิน สัปดาห์ต่อไปก็รัดเข็มขัดให้เข้าเป้าประจำเดือนให้ได้

 

ถ้าตัดรายจ่ายอย่างไรก็เอาไม่อยู่ คงต้องไปบริหารด้านรายได้ว่าเราจำเป็นต้องหารายได้เสริมหรือไม่

 

ถ้าใครมีเงินเหลือเก็บแล้ว แนะนำให้แบ่งเงินออกเป็นก้อนๆ เหมือนสร้างบ่อน้ำอย่างน้อยสักสองบ่อ บ่อแรก คือบ่อชีวิตประจำวัน เก็บเงินไว้ในบ่อนี้ประมาณเท่ากับเงินที่เราใช้ในแต่ละเดือน บ่อนี้ควรเก็บไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง แต่ก็ยังสามารถให้ผลตอบแทนได้ เช่น การลงทุนในกองทุนตลาดเงินที่มีข้อจำกัดคือต้องสั่งถอนหนึ่งวันก่อนใช้เงิน แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงกว่าออมทรัพย์สองสามเท่า

 

เงินเหลือเท่าไรให้โยนไปไว้บ่อสอง บ่อนี้คือบ่อลงทุน เป็นเงินที่สามารถนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่อาจจะมีสภาพคล่องน้อยกว่านิด หรือมีความผันผวนได้มากขึ้นอีกหน่อย บ่อนี้น่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนคือเพิ่มน้ำได้เร็วขึ้นในระยะยาว ถ้าใครวางแผนชีวิตได้ดี รู้ว่าจะต้องใช้เงินเมื่อไรแน่ๆ จะสามารถสร้างบ่อย่อยในบ่อที่สอง เช่น บ่อที่อาจจะต้องใช้ในหนึ่งปี หรืออีกบ่อเก็บไว้แต่งงานอีกสามปี หรือเก็บไว้ยามเกษียณ ก็จะสามารถวางแผนการลงทุนได้เหมาะสมขึ้นอีก

 

การคิดแบบนี้ จะทำให้เราสามารถนำเงินไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ไม่กองไว้ในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำเพียงอย่างเดียว และน่าจะทำให้พอมองออกว่าปัจจัยสำหรับล้านแรกของเรามีอยู่สามอันใหญ่ๆ เท่านั้น คือ 1. รายได้ 2. รายจ่าย 3. ผลตอบแทนที่ได้จากน้ำทั้งสองบ่อ

 

เมื่อกรอบชัดขึ้น เราก็ไปวางแผนกำจัดจุดอ่อนกันได้แล้ว ว่าต้องเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย หรือบริหารจัดการวงจรเงินเข้าเงินออกเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนได้เต็มที่ขึ้น เพื่อให้สามารถก้าวสู่ "เงินล้าน" อย่างที่ตั้งใจไว้ได้

 

บทความโดย
ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมวิจัยลูกค้าบุคคล บล.ภัทร จำกัด (มหาชน)

แนวโน้มของราคาทอง

มั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

 

ไปดูเหตุผลที่ตลาดไม่เชื่อ หนึ่งในนั้นก็เพราะ กำลังการผลิตนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ จากตัวเลขแท่นขุดเจาะรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ตั้งแต่ย่างเข้าไป 2017 เป็นต้นมา รวมถึงการเดินกำลังการผลิต Shale Oil และ Shale Gas ที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตของเทคโนโลยีนี้ เข้ามาใกล้จุดที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตน้ำดิบได้แล้วถ้ามองภาพใหญ่กว่านั้น ราคาน้ำมันก็โดนกดดันอยู่มาอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด หรือ Clean Energy โดยเทคโนโลยีที่จะมาเป็นคู่แข่งพลังงานน้ำมันจริงๆ ก็คือ Power Storage หรือ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า นั้นเอง เพราะตัวเก็บประจุไฟฟ้า หรือ Power Storage จะทำให้การใช้พลังงานสะอาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ไม่มีตัวเก็บประจุ ก็แปลว่า เราจะใช้ไฟฟ้าได้แค่ตอนช่วงกลางวันเท่านั้น ดังนั้น เทคโนโลยี Power Storage จึงถือว่ามีความสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดต่ำลงไปอีก และเข้าถึงคนจำนวนมากกว่าปัจจุบัน

สรุปทิศทางราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันถูกเทขายลงมาที่ ราวๆ 42-43 ดอลลาร์ กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นหลักๆ มาจากตลาดเริ่มไม่เชื่อมั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม