Money

สินเชื่อส่วนบุคคล vs บัตรกดเงินสด ต่างกันอย่างไร

Post by | Admin

628x443สินเชื่อส่วนบุคคล vs บัตรกดเงินสด ต่างกันอย่างไร

ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นในปัจจุบัน คงจะทำให้ใครหลายๆ คน หรือหลายๆ ธุรกิจเกิดวิกฤตทางการเงิน และต้องการเงินก้อนสำหรับมาหมุนเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนั้นเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน การกู้ยืมและการขอสินเชื่อจึงกลายเป็นอีกทางเลือกที่สำคัญ แต่อย่างที่รู้กันว่าในทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้นไม่ได้มีแค่ “สินเชื่อส่วนบุคคล” เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีรูปแบบใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจต่างกันตรงที่รูปแบบของการกู้ ข้อดีข้อเสีย และวัตถุประสงค์การใช้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ว่าก็คือการกู้ผ่าน “บัตรกดเงินสด”

วันนี้ KKP ADVICE CENTER จึงได้นำข้อแตกต่างของผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้ง 2 ประเภท ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่า... สินเชื่อส่วนบุคคลกับบัตรกดเงินสดต่างกันอย่างไร ก็ลองมาตามดูกันได้เลย

'สินเชื่อส่วนบุคคล' กับ 'บัตรกดเงินสด' ต่างกันอย่างไร ?

สำหรับความแตกต่างอย่างแรกของ 'สินเชื่อส่วนบุคคล' กับ 'บัตรกดเงินสด' มาเริ่มกันด้วย

วัตถุประสงค์การใช้เงิน

โดย สินเชื่อส่วนบุคคล เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินก้อน และเป็นตัวช่วยสำหรับแผนการเงินในระยะยาว หรือมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินก้อน เช่น การนำเงินก้อนไปซ่อมบ้าน ซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมลูก ปิดหนี้ เป็นต้น ซึ่งสถาบันการเงินจะเป็นผู้อนุมัติ โดยพิจารณาจากอาชีพ รายได้ และเครดิตทางการเงิน ถ้าพิจารณาแล้วว่าผู้กู้มีความสามารถในการจ่ายเงินคืนได้ ก็จะทำการอนุมัติ ถึงแม้ว่าการขอสินเชื่อส่วนบุคคลจะดูยุ่งยากกว่าบัตรกดเงินสด แต่ข้อดีก็คือ สินเชื่อส่วนบุคคลจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ส่วน บัตรกดเงินสด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเงินฉุกเฉินมาใช้ในระยะสั้นๆ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้ผู้ถือบัตร สามารถเบิกเงินสดออกมาจากตู้เอทีเอ็มได้อย่างสะดวก รวดเร็ว หรือทำการรูดชำระสินค้าได้ทันที ดังนั้น บัตรกดเงินสดจึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่คุณสามารถสมัครบัตรเก็บไว้เผื่อใช้ในยามจำเป็น ซึ่งหากคุณไม่ได้ใช้วงเงินในบัตร คุณก็ยังไม่เป็นหนี้

อัตราดอกเบี้ย

สำหรับ สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยไม่สูงมาก โดยสินเชื่อประเภทนี้จะใช้วิธีคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และมีค่างวดในการผ่อนชำระที่ชัดเจนในแต่ละเดือน แต่ บัตรกดเงินสด จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นดอกเบี้ยคงที่ในอัตราไม่เกิน 28% ต่อปี (ตามแต่ละสถาบันการเงิน) โดยการคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะคิดแบบรายวันบนเงินต้นจำนวนคงที่ไปตลอด โดยเริ่มคิดตั้งแต่วันที่ทำรายการจนถึงวันที่ชำระยอดเงินจนครบ

รูปแบบการชำระเงิน

สินเชื่อส่วนบุคคล จะมีค่างวดในการผ่อนชำระที่เท่ากันในแต่ละเดือน ว่าจะต้องผ่อนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ จ่ายก่อนวันไหน และเวลาในการผ่อนชำระมีระยะยาวตั้งแต่ 12 - 60 เดือน แต่หากเป็น บัตรกดเงินสด ผู้ใช้บัตรจะชำระเงินเมื่อไหร่ก็ได้ภายในระยะเวลาที่สถาบันการเงินนั้นๆ กำหนด โดยมีการคิดดอกเบี้ยเป็นรายวัน นอกจากนี้ ผู้ใช้บัตรกดเงินสดสามารถเลือกชำระเต็มยอดที่ใช้จ่าย หรือเลือกชำระเงินขั้นต่ำ เพื่อยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปได้

ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างระหว่าง 'สินเชื่อส่วนบุคคล' กับ 'บัตรกดเงินสด' ซึ่งต่างก็เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้เรามีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น สามารถมีเงินสดมาใช้หมุนเวียนในธุรกิจ หรือการใช้จ่ายในแต่ละวันได้ และถ้าหากคุณสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่าง และข้อดี-ข้อเสียของผลิตภัณฑ์ได้อย่างถ่องแท้ ก็จะสามารถเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณได้ดีที่สุด

นอกจากนี้ เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกู้จากสถาบันทางการเงินไหน ไม่ว่าจะเป็นการกู้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือกู้ผ่านบัตรกดเงินสด สิ่งที่ต้องคำนึง คือ การมีวินัยในการชำระหนี้อย่างตรงเวลาและสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อเครดิตในอนาคตนั่นเอง

หากคุณมองหาสินเชื่อส่วนบุคคล หรือบัตรกดเงินสดที่สมัครง่าย อนุมัติไว ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้คุณได้ตามต้องการ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ก็มีสินเชื่อทั้ง 2 แบบนี้ ดูรายละเอียดหรือสมัคร คลิก

 

แนวโน้มของราคาทอง

มั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

 

ไปดูเหตุผลที่ตลาดไม่เชื่อ หนึ่งในนั้นก็เพราะ กำลังการผลิตนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ จากตัวเลขแท่นขุดเจาะรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ตั้งแต่ย่างเข้าไป 2017 เป็นต้นมา รวมถึงการเดินกำลังการผลิต Shale Oil และ Shale Gas ที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตของเทคโนโลยีนี้ เข้ามาใกล้จุดที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตน้ำดิบได้แล้วถ้ามองภาพใหญ่กว่านั้น ราคาน้ำมันก็โดนกดดันอยู่มาอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด หรือ Clean Energy โดยเทคโนโลยีที่จะมาเป็นคู่แข่งพลังงานน้ำมันจริงๆ ก็คือ Power Storage หรือ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า นั้นเอง เพราะตัวเก็บประจุไฟฟ้า หรือ Power Storage จะทำให้การใช้พลังงานสะอาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ไม่มีตัวเก็บประจุ ก็แปลว่า เราจะใช้ไฟฟ้าได้แค่ตอนช่วงกลางวันเท่านั้น ดังนั้น เทคโนโลยี Power Storage จึงถือว่ามีความสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดต่ำลงไปอีก และเข้าถึงคนจำนวนมากกว่าปัจจุบัน

สรุปทิศทางราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันถูกเทขายลงมาที่ ราวๆ 42-43 ดอลลาร์ กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นหลักๆ มาจากตลาดเริ่มไม่เชื่อมั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

Suggested
08 May 2019
ขอสินเชื่อให้ผ่าน ไม่ยากอย่างที่คิด
Money
25 Oct 2021
เลือกดอกเบี้ยแบบไหน ช่วยให้หนี้หมดไว
Money
16 Feb 2021
“รวมหนี้” วิธีช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน
Money