Key Takeaways:

• KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ประเมินว่าการเติบโตของรถยนต์ EV ในอนาคตจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจไทยเนื่องจากไทยเคยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ ICE แต่ยังไม่มีแนวทางการปรับตัวไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าที่ชัดเจน โดยในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณความสามารถในการแข่งขันของไทยที่ลดน้อยลง จากส่วนแบ่งตลาดในกลุ่ม Passenger car ที่เสียให้กับจีนและอินโดนีเซีย
• ไทยจะแข่งขันในตลาดการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าได้ยาก เนื่องจากห่วงโซ่การผลิตที่เปลี่ยนไปและมูลค่าเพิ่มหลักจะอยู่กับการผลิตแบตเตอรี่ซึ่งไทยจะไม่มีความสามารถในการแข่งขัน เพราะ 1) ขาดเทคโนโลยีการผลิตของตัวเอง ในขณะที่จีนมีการพัฒนาไปมาก 2) อินโดนีเซียอาจดึงดูด FDI ได้มากกว่าจากขนาดตลาดที่ใหญ่กว่า และเป็นหนึ่งในแหล่งนิกเกิลที่สำคัญของโลก
• เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบอย่างหนักใน 3 ประเด็น คือ 1) มูลค่าเพิ่มที่ไทยสร้างได้จะลดลงอย่างมากโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์เดิมที่จะถูกกระทบ เช่น เครื่องยนต์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ที่ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป 2) การจ้างงานในภาคยานยนต์ที่จะอยู่ในความเสี่ยงกว่า 7-8 แสนตำแหน่ง และ 3) ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดที่อาจปรับตัวเป็นขาดดุลและทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงในระยะยาว
• ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งพัฒนาแผนการเติบโตของอุตสาหกรรมในระยะยาวโดย 1) ไทยจะไม่สามารถพึ่งพา FDI ได้อีกต่อไปเพราะเทคโนโลยีในอนาคตจะใช้แรงงานน้อยลง 2) ต้องมองหาช่องทางการเติบโตและพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง 3) อุตสาหกรรมอิเลกทรอนิกส์ เช่น Semiconductor ยังเป็นหนึ่งในกลุ่มที่น่าสนใจจากแนวโน้มการเติบโตระยะยาวที่ดี