Money Matter

9 รายจ่ายที่มาพร้อมกับรถ

  • 17 ก.ค. 66
  • 1,519
9-car-expenses_544x388

ก่อนจะมีรถสักคัน เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีการเตรียมความพร้อมด้านการเงินมาเป็นอย่างดี หลายคนทยอยเก็บเงินมาเป็นปีเพื่อเป็นเงินดาวน์รถป้ายแดงสักคัน บางคนมองล่วงหน้าไปถึงการผ่อนชำระว่าต้องกันเงินแต่ละเดือนไว้เท่าไหร่เพื่อจ่ายค่างวด

บทความนี้เราจะมาชวนคิดต่อว่าเมื่อได้เป็นเจ้าของรถแล้ว นอกจากค่างวดผ่อนรถ ยังมีรายจ่ายประจำอะไรอีกบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้รถเตรียมตัววางแผนไว้ล่วงหน้า

ค่าเบี้ยประกัน
การทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ควรทำต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากจะช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินหากเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะหากเราเป็นฝ่ายผิดที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งค่าเบี้ยประกันภัยเป็นค่าใช้จ่ายรายปี ขึ้นอยู่กับประเภท ยี่ห้อ และขนาดของรถ โดยความคุ้มครองของแผนประกันภัยรถยนต์ทั่วไปแบ่งเป็น 3 ประเภท มักเรียกว่าประกันชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 โดยประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของเรา และที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สิน ชีวิตและร่างกายของคู่กรณี หากเราเป็นฝ่ายผิด รวมถึงกรณีรถยนต์ของเราสูญหายหรือไฟไหม้ ส่วนประกันชั้น 2 และชั้น 3 ก็จะให้ความคุ้มครองที่ลดหลั่นกันลงมา โดยหลักๆ คือตัดความคุ้มครองในส่วนของรถเราออกไป

ค่าประกัน พ.ร.บ.
การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองคน (ไม่เกี่ยวกับรถที่เสียหาย) ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ตาม เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายประจำทุกปี โดยค่าเบี้ยประกันที่เป็นราคากลางจาก คปภ. มีค่าใช้จ่ายปีละ 600-1,100 บาท (ไม่รวมภาษีอากร) สำหรับรถยนต์โดยสารส่วนบุคคล ทั้งนี้หากไม่ต่อประกัน พ.ร.บ. จะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้

ค่าต่อภาษีรถยนต์ประจำปี
ภาษีรถยนต์เป็นภาษีที่จ่ายเพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงถนน รวมไปถึงการคมนาคมภายในประเทศ โดยการคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดเครื่องยนต์ รวมถึงอายุการใช้งาน เจ้าของรถยนต์ทุกคันจะต้องเสียภาษีรถยนต์หรือต่อทะเบียนรถยนต์ทุกปี หากปล่อยให้ขาดจะถูกปรับในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนจนถึงวันที่ชำระภาษี หากขาดการชำระภาษีติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี รถยนต์นั้นจะถูกระงับการใช้ทะเบียน และหากไม่แสดงเครื่องหมายเสียภาษี จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท 

ค่าบำรุงรักษา 
เมื่อใช้งานรถยนต์ไปได้ระยะหนึ่ง อะไหล่ต่างๆ จะมีการสึกหรอหรือเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน จึงต้องนำรถยนต์เข้าศูนย์เพื่อรับบริการบำรุงรักษา เช่น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ รวมทั้งตรวจเช็กอะไหล่ต่างๆ ว่ายังใช้งานได้ปกติหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าเรายังสามารถใช้รถได้อย่างปลอดภัย โดยปกติแล้วแนะนำให้นำรถเข้าเช็กระยะทุก 6 หรือ 12 เดือน หรือเมื่อใช้งานผ่านไปทุก 10,000 กิโลเมตร ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเข้าศูนย์จะแตกตางกันไปขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาในแต่ละรอบ แต่ค่าใช้จ่ายหลักที่ต้องจ่ายเป็นประจำ ได้แก่ สารหล่อลื่นต่างๆ เช่นน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง ค่าแรงเปลี่ยนถ่าย และค่าอะไหล่อื่นๆ ที่ต้องเปลี่ยนเพราะการสึกหรอจากการใช้งาน

ค่าเปลี่ยนยาง
อีกหนึ่งรายจ่ายสำคัญที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยคือค่าเปลี่ยนยางรถยนต์ อาจทำให้บางคนลืมนึกถึงค่าใช้จ่ายนี้ไป การเปลี่ยนยางรถยนต์เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ยางที่หมดสภาพแล้ว อาจทำให้ยางไม่เกาะถนนและส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ จึงควรเปลี่ยนยางตามระยะทางและเวลาที่เหมาะสม โดยทั่วไปแนะนำให้เปลี่ยนทุก 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพการใช้งาน

ค่าน้ำมันรถ/ค่าชาร์จไฟ
อีกหนึ่งค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่สำหรับคนใช้รถ ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งระยะทางที่ใช้รถในการเดินทาง ราคาน้ำมันในแต่ละช่วงเวลา อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ รวมถึงสภาพการจราจร แต่ในปัจจุบันก็มีทางเลือกอย่างรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลงได้มาก

ค่าที่จอดรถ
การเป็นเจ้าของรถในเมืองใหญ่ สิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมไว้ก่อนซื้อรถคือที่จอดรถ บางคนที่บ้านไม่มีบริเวณสำหรับจอดรถ จะต้องเช่าพื้นที่จอดรถในละแวกใกล้เคียง หรือการนำรถออกใช้ไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ออฟฟิศ พื้นที่ศูนย์การค้า บางครั้งก็จะมีค่าใช้จ่ายเรื่องที่จอดรถด้วยเช่นกัน

ค่าล้างรถ
ค่าใช้จ่ายในการล้างรถทั่วไปจะอยู่ที่ครั้งละ 100-200 บาท ซึ่งความถี่ในการล้างรถก็ขึ้นกับความพึงพอใจของแต่ละคน หรือหากใครล้างรถเองก็สามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้

ค่าทางด่วน
ทางด่วนเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ลดเวลาในการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในกรุงเทพเอง หรือออกต่างจังหวัด หากต้องใครที่ต้องเดินทางโดยใช้ทางด่วนเป็นประจำต้องไม่ลืมเผื่อค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้ด้วย


แม้จะมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยมากมายที่มาพร้อมกับรถ แต่ก็ไม่ควรกังวลจนไม่กล้ามีรถ เพราะรถถือเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะใช้อำนวยความสะดวกในการเดินทาง หรือใช้ในประกอบอาชีพหารายได้ และสำหรับใครที่ต้องการเงินทุนในการทำธุรกิจ ทำอาชีพเสริม เอาเงินไปจ่ายหนี้และรวมภาระหนี้ไว้ที่เดียว หรือปิดหนี้บัตรเครดิต ก็สามารถนำรถมาใช้บริการสินเชื่อรถเรียกเงินที่ให้วงเงินสูงสุดถึง 150% ของราคาประเมินรถยนต์ และถึงจะเป็นรถผ่อนอยู่ก็กู้ได้* ทดลองประเมินวงเงินเบื้องต้น คลิก

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

เนื้อหาแนะนำ
19 มิ.ย. 2566
สร้างธุรกิจให้เป็นจริงได้ด้วยรถของคุณ
Money Matter
13 ก.ค. 2566
เรื่องต้องรู้.. ก่อนใช้บัตรกดเงินสด
Money Matter
23 มิ.ย. 2566
SME ต้องรู้ ธุรกิจต้องจ่ายภาษีอะไรและเมื่อไหร่บ้าง
Business Talk
29 มิ.ย. 2566
แชร์ทริกบัญชีฝากประจำ ฝากยังไงให้คุ้มค่า
Money Matter