ตลาดทุน สร้างธุรกิจเป็นสถาบัน ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
เงินทุนมีความสำคัญต่อกิจการอย่างมาก เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหล่อเลี้ยงธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นให้อยู่รอด และเจริญเติบโตได้ ในช่วงแรกเงินทุนมักมาจาก “ทุน” ของผู้ก่อตั้ง ของครอบครัว เครือญาติ หรือเพื่อนฝูง ต่อมาเมื่อธุรกิจเริ่มเจริญเติบโตขึ้น การใช้ทุนของเจ้าของอาจไม่เพียงพอ หรือมีความไม่เหมาะสมเมื่อพิจารณาในมุมโครงสร้างทางการเงิน จึงจำเป็นที่จะต้องหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับการขยายกิจการหรือต่อยอดธุรกิจที่ทำอยู่
ธนาคารพาณิชย์นับเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญของธุรกิจไทยมายาวนาน แต่การให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เองก็มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวงเงินสินเชื่อ เรื่องสัดส่วนทางการเงินต่าง ๆ เช่น สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของผู้กู้ยืม การต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กระบวนการกลั่นกรองและระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อ เงื่อนไขการกู้ยืมต่าง ๆ รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมที่อาจเพิ่มสูงขึ้นมากจนเกิดภาระต่อผู้กู้ยืม การพึ่งพาเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์เพียงแหล่งเดียวจึงเป็นความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ กิจการควรพิจารณาการแสวงหาเงินทุนจากแหล่งอื่นเพิ่มเติม
ตลาดทุนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการระดมเงินทุนของกิจการ เพราะสามารถระดมเงินทุนได้หลายรูปแบบ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ด้วยต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมกับรูปแบบและสภาพของธุรกิจ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งเงินทุนเพียงแห่งเดียวแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสมดุลของโครงสร้างเงินทุนให้เหมาะสมกับกิจการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ และช่วยในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจที่บริหารงานแบบครอบครัว ไปสู่ธุรกิจที่มีความเป็นสถาบัน และมีมืออาชีพจากภายนอกเข้ามาช่วยบริหารงาน เอื้อต่อการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
บทบาทของตลาดทุน
ตลาดทุนหมายถึง สถานที่ที่รวบรวม จัดสรร ควบคุมการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและอรรถประโยชน์สูงสุด ซึ่งทรัพยากรในที่นี้ คือ ทุน เพราะทุนเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีจำกัด
การรวบรวม คือ รวบรวมให้เพียงพอจากแหล่งที่ถูกต้อง ในต้นทุนที่เหมาะสมและสามารถแข่งขันได้ แล้วนำไปให้คนที่ต้องการจะใช้และควรใช้ เพราะทุนมีจำกัดและมีต้นทุน ฉะนั้นจึงควรให้เฉพาะแก่คนที่เหมาะสม นอกจากนี้จะต้องมีระบบติดตามการใช้ทุนเหล่านั้นเพื่อให้มั่นใจว่าการใช้ทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านทางระบบการควบคุมภายใน กลไกบรรษัทภิบาลที่ได้มาตรฐาน ตลอดจนกลไกการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ละเว้นในสาระสำคัญ และทันต่อเวลา
เศรษฐกิจของประเทศเติบโตด้วยตลาดการเงิน (Financial Market) ที่ประกอบด้วย ตลาดเงิน (Money Market ) และตลาดทุน (Capital Market) รูปแบบการระดมทุนในตลาดเงินได้แก่ เงินฝาก ตั๋วเงินคลัง เป็นต้น ส่วนตลาดทุนยังแบ่งย่อยอีกตามประเภทของตราสาร ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์หรือที่เรียกกันว่าตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดตราสารอนุพันธ์ ตลาดทุนจึงไม่ได้หมายถึงตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว
ตลาดทุนมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ดังจะเห็นจากประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือประเทศในยุโรป มีระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาตลาดทุนเป็นหลัก โดยขนาดของตลาดทุนจะใหญ่กว่า GDP ราว 3-4 เท่า เช่น ในสหรัฐอเมริกา สินเชื่อจากระบบธนาคารพาณิชย์มีมูลค่าประมาณ 9 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ตลาดทุนที่รวมตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้มีมูลค่ารวมกันสูงถึงกว่า 66 ล้านล้านดอลลาร์
หรือแม้แต่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนอย่างสิงคโปร์ มี GDP มูลค่าประมาณ 3 แสนล้านดอลลาร์ แต่มีมูลค่าตลาดทุน 9 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 3 เท่า สำหรับประเทศจีนที่ถือเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีขนาดของ GDP อยู่ที่ประมาณ 11 ล้านล้านดอลลาร์ และมูลค่าตลาดทุนสูงถึง 16-17 ล้านล้านดอลลาร์ ประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกัน ตลาดทุนไทยอยู่ในช่วงที่กำลังเติบโต มูลค่าตลาด (หุ้น และตราสารหนี้) อยู่ที่กว่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ในขณะที่ GDP ของเราอยู่ที่ประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์
ข้อดีของการระดมทุนผ่านตลาดทุน
ตลาดทุนเติบโตขึ้นได้ เนื่องจากเจ้าของกิจการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินแหล่งทุนโดยตรงกับคนที่เป็นเจ้าของเงิน โดยไม่ต้องพึ่งพิงตัวกลางคือธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีข้อจำกัดและเงื่อนไขในการกู้ยืมหลายประการดังที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้น รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น และมูลค่าที่ให้ยืมลดลง จนเป็นอุปสรรคของการระดมเงินทุนมาขยายกิจการ
การระดมทุนในตลาดทุนช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของทุนหรือหนี้ เพราะปริมาณเงินในตลาดทุนมีมากกกว่าธนาคาร ตัวกลางในระบบตลาดทุนเป็นตัวกลางคนละประเภทกับธนาคาร เนื่องจากเป็นตัวกลางทางอ้อมช่วยประสานงานติดต่อ ดูแลเรื่องการให้และเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุน เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial advisor) หรือผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Underwriter) เป็นต้น
ต้นทุนการระดมทุนในตลาดทุนแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการระดมทุน สภาวการณ์ของตลาดทุนในแต่ละช่วง รวมถึงรูปแบบของการระดมทุน เช่น การออกและเสนอขายหุ้น หรือตราสารหนี้ ซึ่งต้นทุนการระดมทุนดังกล่าวไม่ได้ถูกกว่าการกู้ยืมเงินจากธนาคารเสมอไป ขึ้นอยู่กับต้นทุนของแต่ละแหล่งเงินทุน ประเภทของธุรกิจ ความแข็งแรงของบริษัทที่ต้องการระดมทุน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนนั้นๆ อย่างไรก็ตาม ทุนที่ระดมได้จากตลาดทุนถือเป็นทุนที่มีเสถียรภาพ ทำให้โครงสร้างเงินทุนมีความสมดุลระหว่างทุนกับหนี้ การใช้เพียงทุนหรือหนี้อย่างเดียวจะสร้างความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป จึงควรพิจารณาสัดส่วนที่เหมาะสมของการใช้ทุนและการมีหนี้เพื่อขยายกิจการ
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการระดมทุนด้วยตราสารหนี้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเราอยู่ในสภาวะที่มีสภาพคล่องล้นตลาด ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นโอกาสที่ธุรกิจต่าง ๆ สามารถระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ได้เป็นจำนวนมาก ในต้นทุนและเงื่อนไขที่ดีกว่าการกู้ยืมเงินจากธนาคาร
ตลาดทุนเป็นตัวช่วยของธุรกิจในการระดมทุนเพื่อขยายกิจการ แต่ก็ควรพิจารณารูปแบบและวิธีการที่เหมาะสมกับสภาพของธุรกิจ ฐานะทางการเงิน ต้นทุน ที่สำคัญคือวัตถุประสงค์ในการระดมทุนรวมถึงสภาวะตลาดทุนในขณะนั้น รูปแบบการระดมทุนที่เรารู้จักกันทั่วไป เช่น การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering หรือ IPO)คือ การออกและเสนอขายตราสารหนี้ (Bond Issuance) ซึ่งในรายละเอียดก็จะมีประเภทของตราสารที่มีความแตกต่างกันออกไปอีกเป็นจำนวนมาก การเลือกระดมทุนจึงควรพิจารณาความเหมาะสมอย่างรอบคอบ
ประโยชน์ของ IPO
แนวทางเตรียมตัว
การระดมทุนจากตลาดทุน รวมถึงการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนมีกระบวนการต่างๆ ที่ต้องดำเนินการเพื่อปรับตัวและเตรียมความพร้อมให้มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของการเป็นบริษัทจดทะเบียน และตามความคาดหวังของนักลงทุนในตลาดทุน ซึ่งแต่ละธุรกิจจะมีรายละเอียดและใช้ระยะเวลาที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม สามารถสรุปแนวทางการเตรียมตัวเบื้องต้นได้ดังนี้
ข้อพึงตระหนัก
การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีประโยชน์แน่นอนสำหรับกิจการที่ตั้งใจเข้ามาระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน แต่แนวทางการดำเนินธุรกิจจะแตกต่างจากการบริหารธุรกิจแบบครอบครัว เนื่องจากมีข้อผูกพันที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และยังต้องมีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยที่คาดหวังผลประโยชน์จากการให้เงินทุนไปขยายกิจการ ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและมีการเตรียมการให้พร้อมที่สุดเพื่อให้การระดมทุนเป็นไปอย่างราบรื่น และเกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร