Money

เศรษฐกิจแบบนี้ควรลงทุนอย่างไรดี!

Post by | Admin

เศรษฐกิจแบบนี้ควรลงทุนอย่างไรดี_560x395

ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้เศรษฐกิจไทยค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากปัญหาภายในประเทศเองทั้ง ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงปัญหาจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก

บริษัทบางแห่งเริ่มขอให้พนักงานหยุดงานโดยไม่รับค่าจ้างหรือจ่ายค่าจ้างบางส่วน ทำให้หลายๆ คนเริ่มตั้งคำถามว่า

"ควรถือเงินสดไว้ในมือแทนหรือเปล่า"

"การลงทุนในขณะนี้ยังจำเป็นอยู่หรือไม่"

"แล้วเราควรลงทุนอย่างไร"

ความจริงแล้วการลงทุนยังคงมีความจำเป็นอยู่  เพราะหากเราถือเงินไว้เฉยๆ มูลค่าของเงินก็ลดลงอยู่ดี ด้วยสาเหตุมาจากเงินเฟ้อ

สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ควรลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ที่มีความเสี่ยงแตกต่างกัน เช่น เงินสดหรือเงินฝากธนาคาร, ตราสารหนี้, ตราสารทุน และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น ทองคำ หรือ อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

เพราะไม่มีสินทรัพย์ใดจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ตลอดเวลา การมีสินทรัพย์หลายประเภทจะช่วยชดเชยการขาดทุนหนักๆจากสินทรัพย์ประเภทเดียวได้

นอกจากนี้ในการกระจายการลงทุนก็ไม่ควรจำกัดการลงทุนอยู่แต่ในประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงอย่างเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่เกิดจากสาเหตุที่มีผลเฉพาะประเทศนั้นๆ

สิ่งสำคัญในการลงทุนแบบ Asset Allocation ก็คือการเลือกสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่แต่ละคนรับได้ เช่น หากยังมีอายุน้อยและมีเงินเดือนประจำ ก็จะสามารถรับความเสี่ยงได้มาก ในขณะที่คนวัยใกล้เกษียณจะรับความเสี่ยงได้ลดลงแล้ว

ฟังดูเป็นเรื่องยุ่งยากอยู่ไม่ใช่น้อย ยิ่งถ้าเราไม่มีเวลา หรือไม่มีเงินจำนวนมากๆ การทำ Asset Allocation ที่ต้องคอยติดตามลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ตัวในเวลาเดียวกันคงเป็นเรื่องลำบากอยู่เหมือนกัน

แต่ในปัจจุบันเราสามารถกระจายการลงทุนได้ เพราะมีกองทุนหลายกอง จากบลจ. หลายแห่ง ที่ออกมาเป็นกองทุนในลักษณะ Asset Allocation ก็คือมีการกระจายการลงทุนไปในหลายๆ สินทรัพย์

กองทุนแบบนี้ทำให้เราไม่ต้องลงทุนเองเป็นรายตัว และยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยติดตามสถานการณ์การลงทุน และการปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งการลงทุนในกองทุนเพียงกองเดียวทำให้ไม่ต้องใช้เงินตั้งต้นในการลงทุนมากอีกด้วย และบางกองทุนก็มีการแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนเพื่อไปลงทุนในต่างประเทศด้วย

นอกจากนี้ยังมีอีกหลาย บลจ.ที่มองไกลไปถึงการรับความเสี่ยงได้แตกต่างกันของผู้ลงทุนแต่ละคน จึงได้พัฒนากองทุนแบบ Asset Allocation มาหลายกอง เพื่อให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเอง อย่างเช่น Phatra Asset Allocation ที่มีกองทุนให้เลือกถึง 4 กองทุน ทั้งหมดลงทุนภายใต้แนวคิดแบบ   Asset Allocation ซึ่งครอบคลุมระดับความเสี่ยงตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงสูงมาก และยังมีการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่างประเทศอีกด้วย

สำหรับในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนอย่างนี้ นอกจากจะลงทุนแบบ Asset Allocation แล้ว การมีเงินสำรองให้เพียงพอก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากเราถูกเลิกจ้าง หรือถูกขอให้หยุดงานโดยไม่รับค่าจ้าง เราก็มีความจำเป็นต้องใช้เงินสำรองในส่วนนี้

โดยอาจเลือกถือเป็นเงินสดบางส่วน และฝากเงินไว้ในบัญชีที่เบิกถอนง่ายอย่างบัญชีออมทรัพย์บางส่วนก็ได้ ปัจจุบันมีบัญชีออมทรัพย์แบบพิเศษหลายตัวที่นอกจากจะมีความสะดวกในการเบิกถอนแล้ว ยังให้อัตราดอกเบี้ยสูงอีกด้วย ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการฝากออมทรัพย์แบบธรรมดา แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูเงื่อนไขของบัญชีด้วยว่าเหมาะกับพฤติกรรมการเบิกถอนของตนเองหรือไม่

ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย การลงทุนสร้างผลตอบแทนยังคงมีความจำเป็นอยู่ เพียงแต่ต้องเลือกลงทุนให้ถูกที่ อย่าลงเงินไปในการลงทุนแบบเดียว และต้องอย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

แนวโน้มของราคาทอง

มั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

 

ไปดูเหตุผลที่ตลาดไม่เชื่อ หนึ่งในนั้นก็เพราะ กำลังการผลิตนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ จากตัวเลขแท่นขุดเจาะรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ตั้งแต่ย่างเข้าไป 2017 เป็นต้นมา รวมถึงการเดินกำลังการผลิต Shale Oil และ Shale Gas ที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตของเทคโนโลยีนี้ เข้ามาใกล้จุดที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตน้ำดิบได้แล้วถ้ามองภาพใหญ่กว่านั้น ราคาน้ำมันก็โดนกดดันอยู่มาอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด หรือ Clean Energy โดยเทคโนโลยีที่จะมาเป็นคู่แข่งพลังงานน้ำมันจริงๆ ก็คือ Power Storage หรือ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า นั้นเอง เพราะตัวเก็บประจุไฟฟ้า หรือ Power Storage จะทำให้การใช้พลังงานสะอาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ไม่มีตัวเก็บประจุ ก็แปลว่า เราจะใช้ไฟฟ้าได้แค่ตอนช่วงกลางวันเท่านั้น ดังนั้น เทคโนโลยี Power Storage จึงถือว่ามีความสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดต่ำลงไปอีก และเข้าถึงคนจำนวนมากกว่าปัจจุบัน

สรุปทิศทางราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันถูกเทขายลงมาที่ ราวๆ 42-43 ดอลลาร์ กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นหลักๆ มาจากตลาดเริ่มไม่เชื่อมั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม