Lifestyle

WFH ยังไงไม่ให้น้ำหนักขึ้น

Post by | Admin

628x443p-WFH-ไม่ให้อ้วน

WFH นานหลายวัน ทำให้หลายคนไม่ค่อยได้ขยับร่างกายและเผาผลาญพลังงาน รวมถึงบางคนละเลยสิ่งที่สำคัญ นั่นคือ การควบคุมพฤติกรรมการกินอาหาร ใครที่ไม่อยากน้ำหนักขึ้นเพราะ WFH แนะนำให้ดูเคล็ดลับตามนี้เลย

อย่ากักตุนอาหารที่ไม่มีประโยชน์
เมื่อโควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้เราต้องกักตัวอยู่บ้านหลายวัน หลายคนก็วางแผนที่จะซื้ออาหารมาตุนไว้ บางคนเลือกที่จะตุนอาหารสำเร็จรูปเพราะสะดวกสบายและง่ายเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือข้าวกล่องแช่แข็ง แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านั้นคืออาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายน้อยและทำให้เกิดไขมันสะสมอีกด้วย รวมไปถึงของหวาน ขนมขบเคี้ยวต่างๆ น้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้กล่อง ก็ไม่ควรตุนเป็นจำนวนมากเช่นกัน

เราควรเลือกซื้อของกินที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแทน เช่น ข้าวที่ขัดสีน้อยอย่างข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพราะข้าวพวกนี้มีจมูกข้าวและรำข้าวติดอยู่ ทำให้ได้รับคุณค่าและวิตามินมากกว่า 

เสริมด้วยธัญพืชที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง และยังช่วยลดคอเลสเตอรอล เช่น คีนัว เมล็ดเจีย ส่วนน้ำมัน ให้เลือกที่สกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว และผักผลไม้ก็ควรซื้อให้หลากหลาย ล้างให้สะอาด โดยนำไปแช่ในน้ำเปล่าประมาณ 15 นาที จากนั้นหยิบออกมาล้างอีกครั้งด้วยการเปิดก๊อกน้ำให้น้ำไหลผ่านแรงพอประมาณ  หรือเเช่ในด่างทับทิม  ส่วนเนื้อสัตว์ซื้อได้แต่อย่ากักตุนไว้นานเกินหนึ่งสัปดาห์ หรือลองศึกษาดูวิธีการกักเก็บถนอมอาหารที่ถูกต้อง และที่สำคัญที่สุดก็คือน้ำเปล่าที่สะอาด



คุมเวลาการกินอาหารให้เป็นนิสัย
นอกจากที่จะกินอาหารที่มีประโยชน์แล้ว เราก็ต้องกินให้เป็นเวลาด้วย     การทำงานอยู่ที่บ้านทำให้หลายคนละเลยเรื่องมื้ออาหาร หรือการทานให้ตรงเวลา ดังนั้นเราจึงควรกำหนดเวลากินให้ชัดเจนเหมือนเวลาไปทำงานปกติ 

นอกจากนี้อาจใช้ช่วงเวลาแบบนี้ในการลองทำ IF หรือหลักการจัดเวลาการกินอาหาร (Intermittent fasting) ซึ่งวิธีนี้คือการอดอาหารเป็นช่วง สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยทำให้ลองใช้แบบ Time-Restricted Feeding (TRF) คือการจำกัดเวลารับประทานอาหารในแต่ละวัน ในสูตร 16/8 ดูก่อน ซึ่งก็คือให้กินอาหารในช่วงเวลา 8 ชม. ของแต่ละวัน และอดอาหารให้ได้ 16 ชม. ต่อเนื่องในแต่ละวัน แต่ไม่มีการกำหนดเวลาของวันในการกินหรืออดว่าต้องเป็นช่วงกี่โมง โดยสิ่งที่เราสามารถกินแก้หิวในช่วงอดได้ เช่น น้ำเปล่า น้ำเเร่ กาแฟดำ ชาชนิดชง ชาเขียว ชาคาโมมายล์ 



ออกกำลังกายด้วยการทำงานบ้าน
ช่วงนี้ฟิตเนสก็ปิดหรือจะไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 แต่เชื่อหรือไม่แค่ทำงานบ้านก็ช่วยเผาผลาญพลังงานได้เหมือนกับได้ออกกำลังกายเลย เพราะการทำงานบ้าน จัดว่าเป็นกิจกรรมจำพวก เทอร์โมจีนีซิส (Thermogenesis) หรือ NEAT (non-exercise activity thermogenesis) เป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่การออกกำลังกาย แต่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตความร้อน เกิดพลังงานและอาจช่วยเผาผลาญพลังงานได้สูงถึง 150-200 แคลอรี่ ต่อการทำงานบ้าน 30 นาที สำหรับผู้ที่ไม่ชอบการออกกำลังกาย การได้ทำความสะอาดบ้านเช่นนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี 

หรือใครอยากออกกำลังกายแบบจริงจัง ก็ลองหาคลิปการออกกำลังกายง่าย ๆ แล้วทำตาม อาทิตย์หนึ่งควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน ครั้งละ 30-60 นาที ยิ่งถ้าเราตื่นเช้ามาออกกำลังกายก่อนกินอาหารได้จะยิ่งดีมาก เพราะในตอนเช้าร่างกายจะดึงไขมันส่วนเกินออกมาใช้ ทีนี้ต่อให้ WFH อีกนานแค่ไหน ยังไงเราก็จะยังมีสุขภาพที่ดีแน่นอน



นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ในช่วงเวลาแบบนี้ร่างกายเราจำเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี การนอนหลับให้เพียงพอก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการพักผ่อนช่วยส่งผลให้ร่างกายมีสุขภาพดีทั้งในแง่ของการฟื้นฟูพละกำลัง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ เราควรนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน และเป็นไปได้ควรนอนประมาณสี่ถึงห้าทุ่ม 

หรือถ้าใครที่หลับยาก แนะนำให้ออกกำลังกายในตอนเย็น หลีกเลี่ยงข่าวสารที่ดูแล้วสะเทือนใจ หรือหนังที่ดูน่ากลัวก่อนนอนเพราะมันจะไปกระตุ้นอะดรีนาลีนให้หลั่งทำให้เรานอนหลับยากขึ้น หรืออาจจะดื่มนมอุ่นๆ ฟังเพลงเบาๆ อ่านหนังสือผ่อนคลาย หรือสวดมนต์ก็ช่วยให้ร่างกายสงบนิ่งได้



จัดการความเครียดให้ดี
เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าทุกคนได้รับผลกระทบ เราจึงต้องตั้งรับสถานการณ์อย่างมีสติ ข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 มีให้เห็นทุกวัน อาจจะดูร้ายแรง ฟังแล้วเครียด ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือหลีกเลี่ยงการดูข่าวสารหรือรับข้อมูลที่ทำให้เครียด  และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลต่างๆ ก่อนจะส่งต่อให้คนอื่น

ในช่วงเวลาเช่นนี้การดูแลสุขภาพกายและใจเป็นสิ่งสำคัญมาก คนที่มีสุขภาพร่างกายที่ปกติก็อาจจะลองเอาช่วงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการหันมาดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีกำลัง เผื่อเราเจ็บไข้ได้ป่วย จะได้มีต้นทุนด้านสุขภาพที่ดี ต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายได้

แนวโน้มของราคาทอง

มั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

 

ไปดูเหตุผลที่ตลาดไม่เชื่อ หนึ่งในนั้นก็เพราะ กำลังการผลิตนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสหรัฐ จากตัวเลขแท่นขุดเจาะรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ตั้งแต่ย่างเข้าไป 2017 เป็นต้นมา รวมถึงการเดินกำลังการผลิต Shale Oil และ Shale Gas ที่สะท้อนว่า ต้นทุนการผลิตของเทคโนโลยีนี้ เข้ามาใกล้จุดที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตน้ำดิบได้แล้วถ้ามองภาพใหญ่กว่านั้น ราคาน้ำมันก็โดนกดดันอยู่มาอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด หรือ Clean Energy โดยเทคโนโลยีที่จะมาเป็นคู่แข่งพลังงานน้ำมันจริงๆ ก็คือ Power Storage หรือ ตัวเก็บประจุไฟฟ้า นั้นเอง เพราะตัวเก็บประจุไฟฟ้า หรือ Power Storage จะทำให้การใช้พลังงานสะอาดมีเสถียรภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง ถ้าใช้พลังงานแสงอาทิตย์ แต่ไม่มีตัวเก็บประจุ ก็แปลว่า เราจะใช้ไฟฟ้าได้แค่ตอนช่วงกลางวันเท่านั้น ดังนั้น เทคโนโลยี Power Storage จึงถือว่ามีความสำคัญ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกหนึ่งอย่างที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตพลังงานสะอาดต่ำลงไปอีก และเข้าถึงคนจำนวนมากกว่าปัจจุบัน

สรุปทิศทางราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันถูกเทขายลงมาที่ ราวๆ 42-43 ดอลลาร์ กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นหลักๆ มาจากตลาดเริ่มไม่เชื่อมั่นว่า ข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตระหว่าง OPEC และ non-OPEC จะทำได้จริงและตรึงกำลังการผลิตได้จริง ถึงแม้จะมีการขยายระยะเวลาตรึงกำลังการผลิตออกไปถึงปีหน้าก็ตาม

แนะนำจากบทความ
29 เม.ย. 2564
เก็บเงินออกทริปล่วงหน้า โควิดซาแล้วเจอกัน...
Lifestyle
16 มี.ค. 2564
การกินไขมันอิ่มตัวกับโรคเบาหวาน
Lifestyle
05 ม.ค. 2564
ป้องกันตัวจาก COVID-19 โดยการดูแลระบบภูมิคุ้มกันของตัวเอง (2)
Lifestyle
29 ธ.ค. 2563
ป้องกันตัวจาก COVID-19 โดยการดูแลระบบภูมิคุ้มกันของตัวเอง (1)
Lifestyle