“สูตรสำเร็จ???”
คนที่กำลังไขว่คว้าหาความสำเร็จ ต่างมองหา “สูตรสำเร็จ”
เพราะต่างคิดว่า How to หรือ Top 10 tips ต่าง ๆ จากเหล่ากูรูทั้งหลาย
จะเป็นทางลัดนำพาตนไปสู่จุดหมายได้เร็วขึ้น
คนที่ ‘เคย’ ประสบความสำเร็จ
คิดว่าตนได้เจอหลักคัมภีร์อันยิ่งใหญ่
ที่จะนำพาตนให้โลดแล่นอยู่บนหนทางแห่งความยิ่งใหญ่ได้ไม่จบสิ้น
การทำตามคนที่เคยประสบความสำเร็จ
ทำไมจะได้รับผลอย่างเดียวกันไม่ได้
เมื่อเคยประสบความสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง
ทำไมจะเกิดครั้งต่อไปไม่ได้
เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรตายตัว ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง
สิ่งต่าง ๆ ล้วนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ดังนั้น “สูตรสำเร็จ” มีอยู่จริงหรือ
คนอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
ทำไมถึงได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน
คนที่เคยมีส่วนร่วมในการพิชิตชัยในอดีต
ทำไมถึง มีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน เมื่อแยกย้ายกันไป
สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มีบริบท และสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดผลอย่างที่มันเป็น
แต่ไม่สามารถที่จะกำหนดได้ว่า หากบริบทเปลี่ยนแปลงไป
การกระทำในอดีต จะได้ผลลัพธ์อย่างเดียวกัน
การศึกษา เรียนรู้ จากประสบการณ์ของคนที่ประสบความสำเร็จ
หรือ การใคร่ครวญ ไตร่ตรอง กับความสำเร็จที่ตนเคยได้ประสบมา
จึงต้องพินิจให้ลึกซึ้ง เข้าใจให้แจ่มแจ้ง
ถึงบริบทต่าง ๆ ที่เป็นตัวกำหนด และมีผลทำให้เกิดผลลัพธ์ต่าง ๆ
หากไม่เข้าใจเสียแล้ว
การเรียนรู้จากอดีต จึงเป็นแค่การรับรู้ถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
เป็นเพียงความรู้ที่สามารถใช้ได้กับสถานการณ์บางอย่างเท่านั้น
มิได้เกิดเป็น “ปัญญา” ที่สามารถนำไปใช้ได้ในอนาคต ที่ไม่แน่นอนข้างหน้าได้
สิ่งที่เราทุกคนต้องทำคือ การสะสมความรู้ และประสบการณ์
ทั้งของตนเอง และจากผู้อื่น
เพื่อที่จะให้เข้าใจความเป็นไปในสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราให้แจ่มแจ้งขึ้น
จนเกิดเป็นปัญญา
อันนำมาซึ่งความสามารถในการเลือกใช้ความรู้ที่สะสมมา
ในช่วงเวลา และบริบท ที่แตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม
โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ จะเพิ่มขึ้นตามปัญญาที่มากขึ้น
อย่าหยุดสร้างปัญญา...
โดยจำกัดตนเองแค่ tips ไม่กี่ tips จากบางคนที่ทั้งชีวิตอาจเคยทำถูกแค่ครั้งเดียว
อย่าหยุดสร้างปัญญา...
โดยหลงคิดว่า ความรู้ที่มีสามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ทุกบริบท และตลอดไป
ปัญญาที่แท้จริง จึงไม่ควรมีรูปแบบ มีสูตรสำเร็จ
ปัญญาที่แท้จริง จึงต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป
แต่จะทำได้
ต้องเกิด “ปัญญา” มิใช่มี “ความรู้”